Tuesday, May 08, 2018

วิ่งหนีตัวเอง : แต่..ก็ไม่มีทางหนีพ้น



ตั้งแต่เด็ก จนถึงวัยรุ่นเราเองไม่ค่อยที่จะยอมรับในตัวตนของตัวเอง
แต่กลับพยายามที่จะเป็นเหมือนคนอื่น คนที่ไม่ใช่ตัวเรา
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม เรายอมทำได้ทุกอย่างเพื่อที่จะเป็นให้ได้

แต่เราช่างไม่รู้อะไรเลย ด้วยวุฒิภาวะที่น้อยทำให้เราหลงทางไปพักใหญ่
กว่าจะค้นหาชีวิตตัวเองเจอก็ต้องหอบข้าวของข้ามจังหวัดไปทำงาน(ช่วงปิดเทอม)
เราก็ได้ค้นพบ เปิดประสบการณ์ เจอผู้คนมากมาย และได้เรียนรู้สิ่งสำคัญอย่างนึง

-------"เราทุกคนล้วนมีความพิเศษอยู่ในตัวทุกคน" โดยไม่มีข้อแม้เลย-------

เราเชื่อว่า "<ไม่ว่าจะรวยหรือจน - การศึกษาสูงหรือต่ำ - หล่อสวยหรือขี้เหร่ - เพศชายหญิงหรือเพศที่สาม - มาจากบ้านนอกหรือเด็กเมืองกรุง>" ทุกๆคนล้วนมีความพิเศษอยู่ในตัวเองทุกคน อยู่ที่เราจะค้นหามันเจอหรือไม่ และยอมรับมันหรือป่าวเนี่ยแหละสำคัญ
---------------------------------

เรื่องราวที่จะเล่ายังคงเป็นที่ประทับในใจเราตลอดมา จึงขอนำมาบันทึกไว้เป็นอีกหนึ่งความทรงจำ
----------
เรื่องเริ่มจากเราปิดเทอมนานเกือบ4เดือน จึงอยากทำงานพิเศษและโอกาสก็เข้ามาพอดี
เราได้เดินทางไปจังหวัดนึง ซึ่งเราได้ไปทำงานเป็นเด็กเสริฟ
ร้านเป็นกึ่งบาร์กึ่งร้านอาหาร ที่มีเบียร์ต่างประเทศมากเกือบ100ยี่ห้อขายอยู่

เราเริ่มต้นด้วยการต้องนั่งจำชืื่อเบียร์และลองชิมรสชาติเพื่อต้องไปแนะนำลูกค้า
และก็ทำหน้าที่เด็กเสริฟทั่วไป เช็ดโต๊ะ เสริฟอาหาร แนะนำลูกค้า

>แต่เรื่องราวตรงนั้นไม่สำคัญเท่า"พี่ผู้จัดการร้าน"
 >พี่เค้าเป็นเพศที่สามที่จิตใจดีมาก อายุราวๆ40 และมีความเป็นห่วงน้องๆทุกคน
  >เราได้มีโอกาสนั่งคุยกับพี่เค้าช่วงปิดร้าน หลายๆเรื่องเลย
   >ซึ่งเรื่องราวชีวิตของพี่เค้าน่าสนใจมาก
    >มากจนทำให้ความคิดเราตอนนั้นถึงกับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

เราจะสรุปสั้นๆ
ชีวิตพี่เค้าเริ่มจากเป็นเด็กบ้านนอกไม่มีอะไร
เรียนจบไม่สูงทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวเอง
ผ่านงานโรงแรม5ดาว(บาริสต้า) จนได้ทั้งภาษาอังกฤษ
ทำงานมีเงินมีบ้านที่สมุย มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน
(ก็พี่เค้านี่แหละที่สอนให้เราชิมไวน์และความรู้เกี่ยวกับไวน์)

ที่เราบอกว่าพี่เค้ามีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน
เพราะเค้าเคยบอกเราว่า จริงแล้วเค้าแค่มาช่วยเป็นผู้จัดการร้านให้คนรู้จัก
จริงๆเค้ากำลังจะเปิดร้านอาหารเป็นกึ่งบาร์เหมือนกันที่สมุย
เนื่องจากอยากทำค็อกเทลดีๆอร่อยๆ ให้คนได้กิน
พี่เค้าก็ยิ้มอย่างมีความสุข ตอนนั้นเราสัมผัสได้เลยว่าความจริงใจที่มันพุ่งออกมาด้วย
นั้นเป็นเหตุการณ์ภาพจำ เป็นแรงบันดาลใจให้เรามาจนทุกวันนี้

>และเหตุการณ์ที่ทำให้เราค้นพบตัวเองคือ
 >มีอยู่คืนนึงหลังจากปิดร้านแล้วก็นั่งกิน นั่งคุยกันต่อทั่วไปเหมือนทุกๆวัน
  >แต่วันนี้พี่เค้าเปิดไวน์นั่งกินด้วย(ปกติพี่เค้ากลับบ้านไว)
   >พวกเราเด็กเสริฟก็นั่งกินเบียร์กับเหล้ากันปกติ
    >และพี่เค้าได้ถามเราว่ามานั่งจิบไวน์กับพี่ไหม เราก็ตอบตกลงไป
     >พี่เค้าก็บอกว่าไม่มีใครค่อยดื่มไวน์กับเค้า พี่เค้าเลยชอบกลับก่อน
(พี่เค้าดื่มแต่ไวน์อย่างเดียว)

>แค่ประโยคเท่านี้เอง เราก็ถึงกับยิ้มไม่ออกเลย
 >แต่ในใจเราเองได้ความคิดว่า จริงๆแล้วโลกนี้ยังมีคนอีกมากมายที่แตกต่างกัน
  >และความแตกต่างไม่ใช่เรื่องไม่ดี เพียงแค่มันอาจจะรอจิ๊กซอที่เข้ากันได้อยู่แค่นั้นเอง
   >เราได้นั่งจิบไวน์กับพี่เค้าต่อและมีโอกาสได้คุยอะไรกันหลายอย่างตามที่ได้เล่าไป
(เราเองพอได้ลองไวน์ เราก็ชอบไวน์มากกว่าเหล้าหรือเบียร์มาจนถึงทุกวันนี้)

นั่งนึกถึงพี่เค้าแล้วเราก็ดีใจทุกที นี่ก็ผ่านไปเกือบ4ปีแล้ว
ไม่รู้ว่าเค้ายังคงจำเราได้ไหมกับเวลาไม่กี่เดือน แต่พี่เค้าคือสิ่งสำคัญในชีวิต
ถ้าหากขาดส่วนตรงนี้ในชีวิตไป เราไม่รู้ว่าเราจะหลงไปทางไปอีกไกลแค่ไหน
---------------------------------

ที่เราพิพม์มาทั้งหมดเพื่อสิ่งที่เรียกว่า"ความพิเศษในตัวเอง"
เราได้ค้นพบแล้วว่าเราไม่จำเป็นต้องเป็นเหมือนคนอื่นๆ
แค่เป็นตัวเราไปเรื่อยๆก็พอ สักวันเราจะเจอจิ๊กซอชีวิตที่รอเราอยู่
---การเป็นในสิ่งที่เป็นตัวเราเอง ต้องยืนพื้นอยู่บนความ"จริงใจอย่างบริสุทธิ์ใจ"อีกด้วย---

ทั้งนี้แล้วเราอยากให้คนท่ี่อ่านบทความนี้ได้รับแรงบันดาลใจกลับไป
อยากให้ออกไปตามหาแรงบันดาลใจและเป้าหมายในชีวิตของตัวเองกัน
และขอให้ทุกคนมีความสุขกับช่วงชีวิตตลอดเวลาและตลอดไปครับ

ปล. จริงๆก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเกี่ยวกับที่เกริ่นมาหรือป่าวแต่ก็อยากแชร์+บันทึกความทรงจำเอาไว้ด้วย





“ The more you like yourself, the less you are like anyone else, which makes you unique. ” : Walt Disney


Goodluck,
Introvert man.

No comments:

Post a Comment