(Photo : britishcinematographer.co.uk)
ได้มีโอกาสกลับไปนั่งอ่านบทความเก่าๆ
เรื่องเกี่ยวกับวนลูป ธรรมชาติ
เลยนึกต่อไปถึงเรื่องสมดุล
แล้วชุดความคิดมันก็เข้ามา
เป็นเรื่องของสมดุลในช่วงเวลาหนึ่ง
หมายถึง
สมดุล หรือ balance
เรามองตามธรรมชาติแล้ว
สมดุลนั้นไม่สามารถเกิดได้แบบหยุดนิ่ง
แต่ต้องอยู่ในสภาพเสมือนหยุดนิ่ง
เรื่องเกี่ยวกับวนลูป ธรรมชาติ
เลยนึกต่อไปถึงเรื่องสมดุล
แล้วชุดความคิดมันก็เข้ามา
เป็นเรื่องของสมดุลในช่วงเวลาหนึ่ง
หมายถึง
สมดุล หรือ balance
เรามองตามธรรมชาติแล้ว
สมดุลนั้นไม่สามารถเกิดได้แบบหยุดนิ่ง
แต่ต้องอยู่ในสภาพเสมือนหยุดนิ่ง
ถ้าใครไม่เข้าใจ เราหมายถึง
สมดุลนั้นเราไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
มันจะเกิดขึ้นเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
(ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ความสั้นยาวขึ้นกับความคิดแต่ละคน)
----------
สมดุลนั้นเราไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
มันจะเกิดขึ้นเพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
(ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ความสั้นยาวขึ้นกับความคิดแต่ละคน)
----------
มันก็มีข้อให้น่าคิดที่ว่า
แล้วสมดุลระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์หละ?
เราก็เลยมาคิดต่อว่าจริงๆมันก็สมดุลแค่ช่วงเวลาหนึ่งเหมือนกัน
แต่ช่วงเวลานั้นยาวนานกว่าบนโลกเรา
เป็นธรรมชาติที่กินเวลานานกว่าแค่นั้นเอง
เห็นว่าราวๆ5,000ล้านปีต่อจากนี้กว่าดวงอาทิตย์
มันจะเสียสมดุลและเข้าสู่ภาวะอื่นๆต่อไป
หรือที่เค้าว่าโลกจะถูกดวงอาทิตย์ขยายตัวจนโลกแตก
และดวงอาทิตย์กลายสภาพ
เป็นไปตามการ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
ที่กินเวลายาวนานกว่าช่วงชีวิตมนุษย์เท่านั้นเอง
แล้วสมดุลระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์หละ?
เราก็เลยมาคิดต่อว่าจริงๆมันก็สมดุลแค่ช่วงเวลาหนึ่งเหมือนกัน
แต่ช่วงเวลานั้นยาวนานกว่าบนโลกเรา
เป็นธรรมชาติที่กินเวลานานกว่าแค่นั้นเอง
เห็นว่าราวๆ5,000ล้านปีต่อจากนี้กว่าดวงอาทิตย์
มันจะเสียสมดุลและเข้าสู่ภาวะอื่นๆต่อไป
หรือที่เค้าว่าโลกจะถูกดวงอาทิตย์ขยายตัวจนโลกแตก
และดวงอาทิตย์กลายสภาพ
เป็นไปตามการ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
ที่กินเวลายาวนานกว่าช่วงชีวิตมนุษย์เท่านั้นเอง
เลยได้ข้อคิดว่า งั้นสมดุลที่ดี
คือสมดุลที่สามารถอยู่ได้นานพอกับช่วงเวลาหนึ่ง
และสถานการณ์หนึ่ง นั่นก็เพียงพอแล้ว
เพราะทุกอย่างยังคงเป็นไปตามวัฎจักร
ที่เกิดขึ้น ดำรงอยู่ และดับไป
----------
คือสมดุลที่สามารถอยู่ได้นานพอกับช่วงเวลาหนึ่ง
และสถานการณ์หนึ่ง นั่นก็เพียงพอแล้ว
เพราะทุกอย่างยังคงเป็นไปตามวัฎจักร
ที่เกิดขึ้น ดำรงอยู่ และดับไป
----------
หลุดไปไกลละกลับมาก่อน
แล้วมันเกี่ยวอะไรกันกับชีวิต
หรือทำไมเราต้องเขียนบันทึก
แล้วมันเกี่ยวอะไรกันกับชีวิต
หรือทำไมเราต้องเขียนบันทึก
เพราะมนุษย์เรามีอายุขัยซึ่ง
ค่อนข้างแน่นอน มีค่าเฉลี่ยชัดเจน
การสร้างสมดุลในชีวิต
สมดุลงานกับชีวิตเราจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
เราสามารถทำให้เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะเวลาหนึ่ง
ทำให้เราสนุกกับการทำงานไปพร้อมการใช้ชีวิตได้
เช่นในช่วงวัย30-40ก็เพียงพอแล้ว
เราไม่ต้องทำให้สมดุลเกิดตลอดชีวิตเราก็ได้
ค่อนข้างแน่นอน มีค่าเฉลี่ยชัดเจน
การสร้างสมดุลในชีวิต
สมดุลงานกับชีวิตเราจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
เราสามารถทำให้เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะเวลาหนึ่ง
ทำให้เราสนุกกับการทำงานไปพร้อมการใช้ชีวิตได้
เช่นในช่วงวัย30-40ก็เพียงพอแล้ว
เราไม่ต้องทำให้สมดุลเกิดตลอดชีวิตเราก็ได้
เพราะมันก็จะเป็นไปตามกลไกธรรมชาติ
เมื่อช่วงสมดุลเข้ามา มันจะผ่านไป
แล้ววนลูปไปสู่ช่วงที่ดีดตัวออกจากสมดุล
และวนกลับเข้าสู่สมดุลต่อไป
เป็นวนลูป วนซ้ำแบบนี้ต่อไป
เมื่อช่วงสมดุลเข้ามา มันจะผ่านไป
แล้ววนลูปไปสู่ช่วงที่ดีดตัวออกจากสมดุล
และวนกลับเข้าสู่สมดุลต่อไป
เป็นวนลูป วนซ้ำแบบนี้ต่อไป
มันก็สอนเราต่อไปว่า
ไม่มีอะไรคงอยู่ได้ตลอดไป
เราต้องรู้จักเสพความสุขในช่วงเวลานั้น
ไม่แม้แต่ช่วงเวลาที่เราทุกข์
เราก็ต้องรู้จักเสพความสุขจากช่วงเวลาเหล่านั้น
--------------
ไม่มีอะไรคงอยู่ได้ตลอดไป
เราต้องรู้จักเสพความสุขในช่วงเวลานั้น
ไม่แม้แต่ช่วงเวลาที่เราทุกข์
เราก็ต้องรู้จักเสพความสุขจากช่วงเวลาเหล่านั้น
--------------
แต่ก็ใช่ว่า.....
เราต้องไปนั่งสร้างสมดุลให้ชีวิตเสมอไป
ถ้าเราตระหนักว่าช่วงเวลานี้ในชีวิตของเรา
กำลังอยู่ในช่วงดีดออกจากสมดุล
ทำอะไรก็รู้สึกเหนื่อย ท้อ เครียด
"ปรับความคิด"ได้ด้วยการตระหนักรู้
ว่าสุดท้ายแล้ว ธรรมชาติจะมอบสมดุล
ให้กับชีวิตเราในช่วงเวลาหลังจากนี้แน่นอน
เปรียบเหมือนเป็นPositive thinking
ก็ได้(มั้ง) ทำให้เราไม่คิดมากเกินไป
และมีความสุขไปกับช่วงเวลาตกต่ำ
กล้าสู้กับมันเพื่อสมดุลที่จะตามมา
เหมือนเราได้มีเป้าหมาย แรงผลักดัน
ให้กับช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต
เพื่ออีกช่วงเวลาหนึ่งที่ดีของชีวิตจะตามมา
เราต้องไปนั่งสร้างสมดุลให้ชีวิตเสมอไป
ถ้าเราตระหนักว่าช่วงเวลานี้ในชีวิตของเรา
กำลังอยู่ในช่วงดีดออกจากสมดุล
ทำอะไรก็รู้สึกเหนื่อย ท้อ เครียด
"ปรับความคิด"ได้ด้วยการตระหนักรู้
ว่าสุดท้ายแล้ว ธรรมชาติจะมอบสมดุล
ให้กับชีวิตเราในช่วงเวลาหลังจากนี้แน่นอน
เปรียบเหมือนเป็นPositive thinking
ก็ได้(มั้ง) ทำให้เราไม่คิดมากเกินไป
และมีความสุขไปกับช่วงเวลาตกต่ำ
กล้าสู้กับมันเพื่อสมดุลที่จะตามมา
เหมือนเราได้มีเป้าหมาย แรงผลักดัน
ให้กับช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต
เพื่ออีกช่วงเวลาหนึ่งที่ดีของชีวิตจะตามมา
ถ้าไม่หลังขดหลังแข็งอ่านหนังสือ
แล้วจะมีความรู้ในสมองได้อย่างไร
ว่าแล้ว วันที่20สอบ
อ่านหนังสือดีกว่าเรา
เกร็งไว้ว่าผ่าน1ตก1แน่นอนฟันธง
แล้วจะมีความรู้ในสมองได้อย่างไร
ว่าแล้ว วันที่20สอบ
อ่านหนังสือดีกว่าเรา
เกร็งไว้ว่าผ่าน1ตก1แน่นอนฟันธง
-------------
สรุปจริงๆแล้วเราแค่อยากจะสื่อว่า
สมดุลไม่เคยเกิดขึ้นนานพอให้เราเสพได้สาสมใจ
แต่เราต้องรู้จักเสพความสุขจากความไม่สมดุลด้วยเช่นกัน
อย่าปล่อยให้ความทุกข์และแง่ลบต่างๆมาครอบงำชีวิตเรา
เมื่อเราเข้าใจทุกอย่างล้วนอนิจจัง เราก็จะมีความสุขได้ในทุกวัน
จริงๆเขียนแค่3-4ประโยคก็น่าจะพอ เอองงตัวเอง
สมดุลไม่เคยเกิดขึ้นนานพอให้เราเสพได้สาสมใจ
แต่เราต้องรู้จักเสพความสุขจากความไม่สมดุลด้วยเช่นกัน
อย่าปล่อยให้ความทุกข์และแง่ลบต่างๆมาครอบงำชีวิตเรา
เมื่อเราเข้าใจทุกอย่างล้วนอนิจจัง เราก็จะมีความสุขได้ในทุกวัน
จริงๆเขียนแค่3-4ประโยคก็น่าจะพอ เอองงตัวเอง
ปล. เขียนเองอ่านเองงงเอง อนาคตถ้ากลับมาอ่าน รบกวนพัฒนาทักษะการเรียบเรียงใหม่ด้วย
“ You trust the quality of what you know, not quantity. ” : Mr Miyagi
Goodluck,
Introvert man.
No comments:
Post a Comment