Monday, July 08, 2019

Principles : Ray Dalio : Chapter 2

ความเข้าใจส่วนตัว
และความเห็นส่วนตัว
ที่มีต่อการได้อ่าน
Principles ของ Ray Dalio
*ลุง = เรย์
--------






ลุงจบม.ปลายแล้วไปต่อวิทยาลัยC.W. post
และลุงก็ชอบการเรียนที่นี่ด้วย
วิชาเอกคือการเงิน
ทำให้ลุงจบจากที่นี้ด้วยผลการเรียนที่สวยงาม

ลุงได้เรียนรู้การนั่งสมาธิมาจาก
มหาริชชี มะเหศ โยคี
ลุงรักและชอบในการนั่งสมาธิ
ลุงบอกว่ามันช่วยให้สงบและเปิดใจลุงให้กว้างขึ้น

ลุงเรียนเอกการเงินและสนใจด้านFutures
ในเวลานั้นยังไม่มีFuturesของหุ้น พันธบัตร และค่าเงิน
สัญญาซื้อขายจึงเป็นสัญญาสินค้าล่วงหน้าที่ส่งมอบจริง
เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ข้าวโพด ถั่วเหลือง ปศุสัตว์ และหมู

ลุงชื่นชอบแคมเปญโฆษณาของAppleในยุคนั้น
ลุงไปเกณฑ์ทหารและพบว่ามีน้ำตาลในเลือดต่ำ
เลยไม่ต้องไปเป็นทหาร

ในปี1971ลุงจบและเข้าเรียนโรงเรียนธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
Harvard Business School หรือ HBS
และลุงก็ทำงานเป็นเสมียรที่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กด้วย
-----------

และในปีเดียวกันนั้นเอง
ประธานาธิปดีNixon
ได้ประกาศปล่อยค่าเงินดอลล่าร์ฯลอยตัวจากทองคำ
ลุงคิดว่าตลาดหุ้นจะตก
แต่ที่ไหนได้มันดีดตัวขึ้น4%
และเพิ่มขึ้นทุกวันจนลุงต้องเอาไปไตร่ตรองต่อ
จนลุงพอว่ามันเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว

เหตุการณ์นี้มันสอนลุงว่า
"คุณควรจะเข้าใจในสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับคนอื่นๆ ในเวลาอื่น
และที่อื่นมาก่อน ถ้าคุณไม่ทำตามนั้นคุณจะไม่มีทางเข้าใจ
หากสิ่งนั้นเกิดขึ้นกับคุณ และถ้ามันเกิดขึ้นคุณจะไม่รู้วิธีการจัดการกับมัน"
---------

เศรษฐกิจและตลาดหุ้นกลับมาคึกคักในปี1972
หุ้นกลุ่มNifty50กำลังเป็นที่นิยม (คล้ายSET50บ้านเรา)
และเกิดวิกฤติน้ำมัน ทำให้สินค้าโภคภัณฑ์ราคาสูงขึ้น
ตลาดหุ้นดิ่งเหวในปี1973

ปัญหาเกิดจากนโยบายeasy-credit
หรือการปล่อยกู้ดอกต่ำเพื่อเพิ่มปริมาณเงินในระบบ
โดยแท้จริงแล้วการพิมพ์เงินออกมาใช้แบบนี้
ทำให้ค่าเงินลดลงอย่างรุนแรง
และราคาโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น
ธนาคารกลางจึงใช้นโยบายรัดเข็มขัด
ทำให้ตลาดหุ้นตกต่ำถึงขีดสุด
และเศรษฐกิจย่ำแย่ที่สุดนับจากปี1929
-------------

ลุงได้ทำงานกับDominick&Dominick
แต่ก็ปิดตัวลงไป
ช่วงเวลานั้นมีข่าวดังคดีวอเตอร์เกต
ทำให้ประธานาธิปดีNixonต้องลาออก
ตลาดหุ้นยังตกอย่างต่อเนื่อง
ลุงได้เจอBarbaraหรือภรรยาของลุงด้วย

ลุงเล่าเรื่องการตัดสินใจที่ผิดพลาดให้ฟัง
ในการเทรดหมูสามชั้นที่เกิดLimit downหลายวัน
ลุงบอกว่ามันสอนลุงว่าลุงจะไม่เดิมพันกับสิ่งๆเดียว
ในการเทรด คุณต้องตั้งรับและเกรี้ยวกราดไปในเวลาเดียวกัน
หากคุณไม่เกรี้ยวกราดคุณจะหาเงินไม่ได้เลย
หากคุณไม่ตั้งรับคุณก็จะรักษาเงินไว้ไม่ได้
การเทรดก็เหมือนทำงานกับไฟฟ้า
บางครั้งก็ต้องเจอไฟช็อตบ้าง
-----

ลุงก็ได้ตำแหน่งงานใหม่ในShearson
เป็นการป้องกันความเสี่ยงของธุรกิจจาการลงทุนซื้อขายล่วงหน้า
ลุงก็พัฒนาตัวเองไปจนเป็นผู้เชี่ยวชาญ
ลุงเดินทางบ่อย คลุกคลีกับผู้ค้า
ผู้เลี้ยง และลุงพูดเหมือนลุงถูกไล่ออก
มีการชกต่อยกับเจ้านายด้วย
ในปี1975ลุงก็ก่อตั้งBridgewater

ยังคงมีลูกค้าหรือผู้ค้าคนเดิมๆ
ที่ยังชอบลุงและต้องการคำปรึกษาจากลุงอยู่ด้วย
ลุงบอกว่าชื่อมาจากตอนนั้นเรากำลังสร้างสะพานข้ามน้ำ
ลุงใช้อพาร์ตเมนต์สองห้องนอนเป็นสำนักงานแรก
ลุงมีความสุข 1977ลุงแต่งงาน
ย้ายบ้านและบริษัทไปแมนฮัตตัน
มีลูกค้าจากรัสเซียเข้ามา
ตอนนั้นเหมือนยังเป็นUSSR
หรือโซเวียตอยู่
ลุงก็พาเมียไปเทียวด้วยไปในตัว
---------------

เข้าสู่โหมดการลงทุนของลุง
ลุงขยันและสุดยอดมากๆ
ลุงนำเอาตัวเลขทุกอย่างที่สัมพันธ์กันมาบันทึก
และเก็บข้อมูล และประมวลข้อมูลออกมา
เช่น แปลงค่าระดับน้ำฝน เพื่อประมาณผลผลิต
พอเรารู้เราก็จะได้ประมาณค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาผลผลิต
และตลอดไปจนถึงการเลี้ยงปศุศัตว์
ตั้งแต่มีชีวิตไปตลอดจนกลายเป็นซากสัตว์ที่ชำแหละแล้ว

จนลุงได้ออกมาเป็นเครื่องจักรที่ยอดเยี่ยม
ที่จำลองกฏการตัดสินใจ(หลักการ)ให้เกิดขึ้นในใจลุงได้
แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีการขาดทุน
ลุงขาดทุนกว่า$100,000
เพราะตอนนั้นลุงมั่นใจมากว่าจะไม่มีทางขาดทุน
เรื่องราวนั้นก็สร้างความเจ็บปวดให้กับลุงและลูกค้าของลุง
และได้สอนลุงเช่นเคย
ลุงได้ทำเรื่องพิดพลาดมากมาย
กว่าลุงจะเปลี่ยนพฤติกรรมของลุงได้
------

ลุงก็มีลูกค้าเป็นผู้เลี้ยงไก่รายใหญ่ที่สุด
และผู้ซื้อเนื้อวัวรายใหญ่คือMcDonald's
แล้วช่วงนั้นเค้ากำลังจะออกนักเก็ตไก่
แต่กังวลเรื่องราคาไก่
ลุงก็แก้ปัญหาโดยการใช้สัญญาซื้อขาย
ข้าวโพดและถั่วเหลืองล่วงหน้า
เพื่อกำหนดราคาต้นทุนราคาอาหารที่นำมาเลี้ยงไก่
จนทำให้McDonald'sมีนักเก็ตไก่อร่อยๆในทุกวันนี้
ชาบูลุงไป1ที

1978ลุงมีลูกชายให้ชื่อว่าDevon
เป็นชื่อวัวสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดที่มนุษย์รู้จัก

เราสรุปว่าตลอดเวลาที่ลุงทำงานซื้อขายล่วงหน้านี้
ลุงให้เครื่องจักร หรือระบบข้อมูลที่ลุงสร้างและพัฒนาอยู่
เป็นตัวตัดสินใจร่วมกับลุงมาตลอด
และให้ผลที่ออกมาดีด้วย ดีมากกว่าแย่ไงง่ายๆ
และลุงก็พัฒนาเจ้าตัวนี้มาเรื่อยๆ
ลุงบอกว่าปัจจุบันมันแตกต่างกับตัวแรกเริ่มที่ลุงเล่าแล้ว
ตัวที่ลุงเล่าอยู่นี้ลุงบอกเป็นตัวง่ายๆเลย

เป็นว่าลุงเริ่มมีหลักการจากตรงนี้
และใช้ปฎิบัติเรื่อยมา
ถ้าเข้าใจไม่ผิด
------------



โอเค อ่านเองเข้าใจเอง
ตีความตามความเข้าใจเราเอง
อาจจะมั่วบ้าง ก็ไม่ขอโทษใครแล้ว
บทความต่างๆนี้บันทึกไว้อ่านเองภายหลัง
และเอาไว้เทียบกับการกลับมาอ่านรอบที่2-3-4-5
บางอย่างอาจเปลี่ยนไปตามวัยวุฒิ คุณวุฒิ เวลา
ลุงบอกให้เปิดสมองอ่าน
ต้องไปหาเลื่อยมาแหกกระบาลเสียแล้ว ฮ่าๆ


ปล. ยาวเหยียดเลย แต่ก็สนุกดี ชีวิตลุงเห็นได้อย่างคือลุงขยัน และมีอะไรบางอย่างที่แตกต่างกับเรามากๆ ซึ่งเราน่าจะเดินทางสายลุงไม่ได้100% แต่คิดว่าเอาอย่างละนิดละหน่อยไปปรับใช้ได้



















“ When you look in the mirror, what do you see? Do you see the real you, or what you have been conditioned to believe is you? The two are so, so different. One is an infinite consciousness capable of being and creating whatever it chooses, the other is an illusion imprisoned by its own perceived and programmed limitations. ” : David Icke


Goodluck,
Introvert man.

No comments:

Post a Comment