Sunday, June 30, 2019

โหมดนักแซะในตำนาน VS เทพนักหลบซ่อนกับลูกน้องของเค้า

โหมดนักแซะในตำนาน
เพื่อการระบายอารมณ์
โดยไม่อ้างถึงบุคคลใด
เพราะเราจิตนาการขึ้นมาทั้งหมด
เพื่อความสนุกส่วนบุคคล
และการระบายความรู้สึก และละลายพฤติกรรม
ความคิดอันเป็นศัตรูในการพัฒนาตัวเองออกไปให้หมด
ผ่านการเขียนและบันทึกไว้
ว่าในวันนึงเราเคยจินตนาการอะไรได้อย่างไรบ้าง
-------

ว่ากันด้วยความเทพระดับโปร
มโนว่าเทรดมากว่า10ปีอัพ
เทพภาษา พรรคพวกมากมาย
คุยโวใหญ่โต แต่ไม่เคยแสดงตัวตนจริง
เพราะลึกๆในใจรู้ว่าตนเองมีความลับที่ซ่อนไว้มากมาย
แม้แต่ความลับในการเทรดที่คุยโว

เรื่องเทรดนี่เรารู้ดี ตอนนี้ก็ยังเห็นๆกันอยู่
เทพจริงๆคงไม่ปล่อยให้ตัวเองไปอยู่ในจุดนั้น

เวลาพูดถึงเรื่องพวกนี้มักมีคนอคติใส่เรา
เพราะเราไปแทงใจดำเค้า
ทั้งๆที่เราไม่ได้พูดถึงเค้า
แต่เมื่อมีคนร้อนตัวเราก็ต้องขยี้ใช่ไหม

ใครที่ไม่รู้สึกอะไรกับข้อความข้างบน
ยินดีด้วย เพราะคุณน่าจะกำลังนั่งยิ้มอยู่
ด้วยความรู้สึกหรรษาที่จะได้อ่านเรื่องราวต่อจากนี้
----

เรื่องมันก็ว่าด้วยตัวละครหลากหลาย
ที่ได้รับการเยินยอว่าเทรดเก่ง ชั้นครู
หรือสามารถเปิดกองทุนได้เลยนะ
ทำcopyก็ยังได้ เทรดเป็นpropก็ยังชิวๆ

ซึ่งแน่นอนเทพชั้นนั้นต้องมีระบบที่ชัดเจน
และนำไปใช้ได้ทุกสถานการณ์
ส่วนตัวเท่าที่รับรู้รับทราบมาตลอดก็เป็นปีๆอยู่นะ
เค้าไม่เคยงัดไม้ตายมาใช้เลย
ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า หรือว่าไม่มี

ส่วนตัวเราชอบอ่านนิสัยคนมาตั้งแต่เด็กๆ
พบเจอคนมากมาย และชอบเดานิสัยผู้คนเช่นกัน
คนพวกนั้นนิสัยคล้ายกันอย่างนึงคือ
"ออกกฏเอื้อตนเองและพวกพ้อง และส่งลูกน้องลงมาเล่น"
ประโยคคุ้นๆไหม คล้ายๆ.......(กลัวติดคุก)

แต่....เรื่องมันอย่างกับฉากในซิทคอม
คือส่งลูกน้องมา ลูกน้องก็ทำพังไม่เป็นท่า
ตัวเองเลยลงมาเล่นเอง ก็พังไม่เหลือ
ตลกดี เรานั่งอยู่นอกเกมส์เราเห็นภาพรวมตลอดเวลา
และเราสนุกกับการนั่งดูพฤติกรรมมนุษย์ด้วย
มันทำให้เราเห็นเหมือนกับที่เห็นมาบ่อยๆ
แพ้แล้วพาล
ใช่แล้ว แพ้แล้วลายจะออกเสมอ

ยิ่งเวลาเค้ามาเห็นคนอื่นๆโพสต์แซะ
(คือไม่ได้มีเราคนเดียวที่คอยแซะ)
เค้าจะยิ่งเดือดดาล และผิดพลาด
แล้วตอนนี้เค้าก็พลาดครั้งใหญ่ไปแล้ว
ยังไม่รู้ว่าจะงัดเคล็ดวิชามากู้สถานการณ์กลับได้ไหม

ทุกวันนี้เค้ายังไม่กล้าแม้แต่โชว์ชื่อจริงๆ
หรือหน้าจริงๆ หรือความบริสุทธิ์ใจจริงๆเลย
ผลงานนี่ไม่ต้องพูดถึง ไม่เคยจับต้องได้
มักมาเป็นภาพเหมือนเซียนๆทั่วไป
และส่งลูกน้องมาแทนเสมอ
นี่คงเป็นเคล็ดลับของเซียนๆเค้า
เค้ามักอ้างว่า "อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ"
อดคิดไม่ได้ว่าใครเกลือ ใครพิมเสน ฮ่าๆๆ

ทำไมถึงรู้ อ่อ เราจิตนการเรื่องขึ้นมา
จะให้ออกมาแบบไหนก็ได้ ฮ่าๆ
ไปดีกว่า เดียวได้กินพิซซ่าสะก่อน
ความสนุกยังไม่จบหรอก
นักแซะในตำนาน
จะแซะได้ข้อมูลต้องแน่นนะ
---------

เทรดเดอร์ทุกคนต้องมีวิธีระบายความเครียด
อันนี้แนะนำเลยใครจะระบายออกทางไหนก็ได้
แต่อย่าให้ผิดกฏหมายก็พอ
จะไปสนามซ้อมยิง ใส่ไม่ยั้งในนั้นเอาก็ได้
ส่วนเราชอบพิมพ์ ชอบมโน
เราก็ทำในส่วนที่เรารู้สึกดีขึ้น
ถ้ามโนได้เก่งกว่านี้ว่าจะไปเขียนนิยายขายละ
เทรดแล้วจน เครียด กินบุฟเฟต์

ยืนพื้นบนความจริงนะ
ถ้าเรื่องที่เขียนไม่ใช่เรื่องแต่งขึ้นมา
เขียนไปก็เหมือนเหยียบหัวคนอื่นเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น
เราว่ามันเป็นการกระทำที่ไม่ถูกไม่ควรนะ
เค้าทำไม่ดี แล้วเราจำเป็นต้องทำไม่ดีแบบเค้าไหม?
นั่นแหละครับ
ความรู้สึกที่ดีขึ้นต้องมาจากความบริสุทธิ์ใจจากข้างในเสียก่อน


ปล. เราไม่เชื่อเลยว่าเทรดเดอร์จะไม่เครียด เราสนุกกับการได้เทรด แต่ก็ยังมีความเครียด ถ้าปฏิเสธแล้วไม่หาทางระบายมันออก ระวังโรคภัยจะตามมาภายหลังนะ ด้วยความเป็นห่วงอย่างยิ่ง




















“ The path from dreams to success does exist. The courage to follow it. ” : Kalpana Chawla


Goodluck,
Introvert man.

Principles : Ray Dalio : ปิดท้ายเกริ่นนำ

ความเข้าใจส่วนตัว
และความเห็นส่วนตัว
ที่มีต่อการได้อ่าน
Principles ของ Ray Dalio
*ลุง = เรย์
--------



มาถึงช่วงท้ายของการเกริ่นนำแล้ว
ลุงก็เล่าไปถึงเรื่องของตัวหลักการ
เมื่อได้แบ่งปันกับคนในบริษัทแล้ว
ตัวBridgewaterได้ประสบความสำเร็จ
ในการคาดการวิกฤติทางการเงินปี2008-09
ทำให้ลุงได้รับความสนใจ รวมถึงหลักการและวิธีการดำเนินงาน
แต่เรื่องราวก็ถูกบิดเบือนทำให้ดูน่าตื่นเต้นขึ้น

จนเมื่อปี2010ลุงตัดสินใจ โพสต์หลักการ
หรือเจ้าPrinciplesลงบนเว็บไซด์
เพื่อให้ผู้คนตัดสินมันด้วยตัวเอง
ลุงคงไม่อยากให้คนไปมโนตามข่าว

และก็ได้รับการตอบรับอย่างดีกลับมา
ถูกโหลดไปกว่า3ล้านครั้ง
และได้รับคำขอบคุณจากทั่วโลก
ถือเป็นการจบการเกริ่นนำที่ครอบคลุม

ไม่ลงรายละเอียดมากเกินไป
พูดรวมๆทำให้เราเข้าใจได้ถึงหนังสือทั้งเริ่ม
ประทับใจมากๆ เราจะติด*เอาไว้5ตอน

เพราะในความเห็นเรา5ตอนนี้ก็สุดยอด
และครอบคลุมหลักการที่นำไปใช้ได้แล้ว
ถ้ามีตอนไหนน่าสนใจอีกก็จะใส่*เอาไว้
ให้ตัวของเราเองได้รับรู้และเปิดกลับมาอ่านได้บ่อยๆ
แต่แค่5ตอนนี้ เรายอมรับจริงๆว่า
ให้ทำตามให้ครบก็คงใช้เวลาค่อนชีวิตไปแล้วมั้ง
----------

ต่อจากนี้ลุงก็ร่ายต่อไปว่าหนังสือลุงมีอะไรบ้าง
ลุงบอกว่ามี2เล่ม เป็นหลักการเศรษฐกิจและหลักการลงทุน
เขียนมาก่อนแล้ว แต่มาเขียนหลักการชีวิตและหลักการทำงานที่หลัง
เล่มนี้ก็มี3ส่วนใหญ่ๆ
1 เรื่องเกี่ยวกับว่า "ผมมาจากไหน"
2 เรื่องของหลักการขีวิต
3 เรื่องของหลักการทำงาน

ลุงบอกว่าเรื่องที่เกี่ยวกับตัวลุงเนี่ย
มันอาจจะมีเรื่องที่เบี่ยงเบนความสนใจ
เราเดาว่าเป็นเรื่องที่มีอารมณ์และความรู้สึกมาเกี่ยวเยอะ
ลุงเลยบอกว่าตอนนี้ถ้าจะข้ามไปก่อนก็ได้
แต่ถ้าอ่านลุงอยากให้เน้นไปด้านการนำไปใช้
ลุงอยากให้เราคิด ชั่งน้ำหนัก และติดสินใจ
ว่ามีอะไรบ้างที่นำไปปรับใช้กับชีวิตเราๆได้
เพื่อช่วยให้ชีวิตเราบรรลุเป้าหมายต่างๆ

คือง่ายๆลุงจะบอกว่า อ่านแล้วคิดตามด้วย
คิดตามแล้วประยุกต์ใช้ให้เป็นด้วยนะหลานๆ
ชีวิตลุงกับชีวิตหลานไม่เหมือนกันนะเว้ย
ประมานนี้มั้ง
-----------

โอเค อ่านเองเข้าใจเอง
ตีความตามความเข้าใจเราเอง
อาจจะมั่วบ้าง ก็ไม่ขอโทษใครแล้ว
บทความต่างๆนี้บันทึกไว้อ่านเองภายหลัง
และเอาไว้เทียบกับการกลับมาอ่านรอบที่2-3-4-5
บางอย่างอาจเปลี่ยนไปตามวัยวุฒิ คุณวุฒิ เวลา
ลุงบอกให้เปิดสมองอ่าน
ต้องไปหาเลื่อยมาแหกกระบาลเสียแล้ว ฮ่าๆ


ปล. หลังจากนี้จะพยายามอ่านให้เยอะขึ้น สรุปใจความสำคัญเอาแล้วกัน



















“ You can do anything as long as you don't stop believing. When it is meant to be, it will be. You just have to follow your heart. ” : Keke Palmer


Goodluck,
Introvert man.

ครึ่งปี2019 : บันทึกผลงาน

สรุปครึ่งปี2019
ต่อมาจากhttps://im-ht.blogspot.com/2019/01/blog2019-2018.html

พอดีพี่ที่ติดตามอยู่
เค้าอัพเดทSETมาอีกแล้ว
ตามรูปด้านล่าง
(ข้อมูลจากเพจ Dr. Finance Thailand)
(Capital Gainเท่านั้น ไม่รวมปันผล)


เราเลยจับข้อมูลที่มีมาทำของเราเช่นเคย
เพราะว่าวันนี้ก็สิ้นเดือนของกลางปีพอดี
ข้อมูลครบ
ตามไปดูกัน
อธิบายต่อด้านล่าง

(อันนี้ของเราเอง สีมันก็จะจางๆหน่อย ตัวหนังสือเล็กๆ)


ปีที่แล้วเราก็ทำ ปีนี้มาเลยทำต่อไป
ต้องย้อนความไปถึงช่วงต้นปี คาดว่าหลายๆคนจำได้ดี
คือเหตุการณ์Flash crashนั่นเอง
เราโกยมาเยอะอยู่ เยอะแค่ไหนก็ลองดู

ทำให้NAV(Equity)เราพุ่งขึ้นเลยทุกพอร์ทในเดือนJan2019
แต่พอตลาดเริ่มนิ่ง พักตัวในเดือนต่อมาพอร์ทเราก็กลับไปติดลบ
แต่ติดลบโดยNAVในที่นี้ ก็คือปรับตัวลดลง
แต่ยังคงเก็บCFได้
สังเกตได้จากช่องสุดท้ายCFยังบวกต่อเนื่องทุกเดือน

สามเดือนล่าสุดเรามีทุนเพิ่มเข้ามาพอร์ทใหญ่
ทำให้ปั่นCFได้มากขึ้น และมากขึ้น
ซึ่งดีมากๆ เสียอย่างเดียวพอร์ทนั้นไม่ได้แสดงในตาราง
เพราะข้อมูลไม่เพียงพอในเดือนก่อนๆ
ปีหน้าคงมีโอกาสได็โชว์ตัวกับเพื่อนๆบ้าง

ไล่ไปตามภาพก็จะเห็นว่าหลังจากเดือนFebที่ติดลบ
ก็บวกขึ้นมาเรื่อยๆทุกเดือน
เพราะงั้นครึ่งปีแรกของ2019 สำหรับเรา
ถือเป็นปีทองจริงๆ บวกเยอะ และบวกทุกเดือน
จริงๆแค่โกยมาจากFlash crashเราก็ชิวแล้ว
ไม่คาดคิดเลยว่าปีนี้จะเป็นจังหวะของเรา
ครึ่งปีหลังก็ต้องระวังตัวมากขึ้น
---------------

ALL(NAV)
บรรทัดล่างสุดคือผลรวมตลอดครึ่งปี
วัดจากจุดสิ้นปีมาถึงวันนี้ก็Chg+54.88%
หมายถึงพอร์ทโตขึ้น54% ชนะSETแล้ว
แต่เราไม่ได้มองตรงนั้น เรามองว่ามันเป็นจังหวะของเรามากกว่า
สิ้นปีก็เป็นไปได้ทั้งลดลง และเพิ่มขึ้น
จับตาดูกันอีกที แต่ก็หวังว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ
เพราะเรารับความเสี่ยงมากกว่าซื้อกองทุนรอปันผล
จะไปหวังกำไรแบบนั่งรับปันผลก็ไม่ได้

บรรทัดล่างสุดคือสรุปผลรวมของแต่ละพอร์ท
ที่เราดึงข้อมูลขึ้นมาแสดงผลเป็น%
ก็บวกทุกพอร์ท เย้
-----------

พอร์ทสุดท้ายEU
พอร์ทนั้นคือเทรดบนEURUSD
ขาBuyอย่างเดียว
เมื่อวันศุกร์ตลาดปิดราคาดีขึ้น
ก็ทำให้บวกกลับมา100%จากเดือนก่อน
5555 ถือว่าเยอะที่สุดเลย
พอร์ทนี้คือBetมากๆไม่ต้องพูดถึงDDเลยแหละ

ถ้ากลับไปดูที่เราแปะลิงค์ไว้
เมื่อเทียบกับปี2018นั้นจริงๆเทียบกันไม่ได้เลย
เพราะปี2018นั้นพอร์ทค่อนข้างใหญ่
จากผู้ใหญ่ใจดีคนนึง
กลยุทธ์การเทรดแตกต่างมากๆ
และความเสี่ยงก็ต่างสุดขั้ว
%เลยเหวี่ยงไม่มาก
แต่โดยรวมปีที่แล้วอยู่ในเกณฑ์พึงพอใจ

พอร์ทเราเล็กนิดเดียว
เวลาเหวี่ยงมันเลยบวกลบทีละมากๆ
ก็อย่าไปใส่ใจ%มาก เรายังเน้นไปที่ประสบการณ์มากกว่า
แต่ในครึ่งปีนี้ ปี2019ผลงานเรามองว่าอยู่ในเกณฑ์ประทับใจ
ประสบการณ์หลายๆอย่างยากจะหาได้
หากพลาดไปแล้วไม่ได้มีกลับมาบ่อยๆ
บวกกับว่าเราทำได้
เราใส่ความรู้และประสบการณ์จากปีก่อนๆลงไป
ทำให้เราพัฒนาพอร์ทและตัวเองไปได้ในเวลาเดียวกัน
เราจึงรู้สึกว่าเราไม่เสียเวลาอันมีค่าไปเปล่าๆแม้แต่วินาทีเดียว

สิ้นปีค่อยมาดูกันว่า
การพัฒนาตัวเองส่งผลอะไรบ้าง
มันส่งผลต่อพอร์ทของเราจริงไหม
---------

โน้ต
คุณต้องรู้ว่าคุณกำลังทำอะไร
เรื่องนี้พูดไปมากมาย
เมื่อเกิดการเรียนรู้ การพัฒนาจะตามมา


ปล. มีพอร์ทที่เทรดทองด้วยนะ ลองเดาๆดูว่าอันไหน แต่เดือนนี้โตไม่เยอะเพราะของหมดมือ ฮือๆ
ปล2. ไม่ได้เอามาเปรียบเทียบกับSETนะ เอามาให้ดูว่าเราทำตามตารางนั้น เป็นตัวอย่างให้เราทำตารางออกมาตั้งแต่ปีก่อน























“ The goal for me is always to have the opportunity to work in different genres. This is a great and exciting time in my career, where I can have the opportunity to work in different genres, and also I recognize there's not a lot of actors who have that opportunity and I'm grateful for it. ” : Dwayne Johnson


Goodluck,
Introvert man.

Saturday, June 29, 2019

DXY : shortข้ามปี : และข้ามไปอีกปี

จากอันนี้ https://im-ht.blogspot.com/2018/12/fomc.html
บันทึกทิ้งไว้นานมากๆ
เรียกว่านานจนลืมไปแล้ว
วันนี้ว่างดี มีโอกาสได้ขุดความหลัง
เลยจับมาเขียนต่อ

เพราะว่าเดาถูกทางไง
อันไหนเดาผิดก็ไปหาดูเลย
ไม่มีเอากลับมาเขียนต่อ

อัพเดทเป้าหมายระยะกลาง
น่าจะใช่กลางนะ
คาดไว้คือshort
แล้วก็shortมานานมากแล้ว
ถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะตั้งแต่ปีก่อน

ถ้าถือมาแล้วต้องถือข้ามไปถึงสิ้นปีหน้า
swapน่าจะพาไปล้างแล้ว
คิดแล้วนึกถึงเรื่องBig shortเลย
แต่เราคงไม่ได้อยู่ในเกมส์ใหญ่ขนาดนั้นมั้ง

เอ๊ะ หรือกำลังจะได้อยู่แต่พอร์ทไม่ใหญ่เท่า
น่าสนใจแหะ น่าสนใจ
แต่ไม่รู้แหละก็ช่วง2-3ปีมานี้
เราแทงฝั่งนี้ไม่ใช่เพราะตามที่เซียนเค้าลือมานะ
เราแทงด้วยเหตุผลของเราเอง

ต่างคนก็ต่างต้องไปหากลยุทธ์
ที่จะshortยังไงให้รอด
ไปจนBig winไม่ตายเพราะswap
เราก็ยังรอดอะเนอะ
วิธีการของเราก็กล่าวไปก่อนหน้านี้เยอะมากแล้ว
------

วันนี้มา"มโน"เป้าหมายทิ้งไว้เล่นๆ
แล้วเดียวค่อยกลับมาดูกันใหม่
ว่าเส้นที่เราตีไว้
มันจะมีนัยยะอะไรหรือแค่มั่วมา

เส้นที่1 : เราตีเป็นเป้าหมายแรกสุด
ทำกำไรเล่นรอบไป คาดว่าราคาจะดีดขึ้นแถวๆนี้
ก็จะเล่นขึ้นหรือลงก็ตามที่ชอบ ปั่นcfจากตรงนี้ได้
และปล่อยไหลต่อไปจนถึง

เส้นที่2 : เส้นนี้คาดว่าราคาน่าจะทิ้งแรง
เห้ย เทพจังมโนได้ถึงว่าราคาจะวิ่งแรงทิ้งไส้ด้วย
เออ เทพจริงๆ เดียวรู้เลย ไม่นานหรอก

เส้นที่3 : เป็นโซนที่ถ้าราคาลงมาถึง
น่าจะเป็นที่จับตามองของหลายฝ่าย
ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล อืม ไม่น่าจะใช่แล้ว

ที่เหลือก็แค่บริหารพอร์ท
บริหารใจ บริหารสุขภาพ
ให้อยู่ได้ถึงวันเวลานั้นก็พอ
ไม่ล้างพอร์ท ก็ได้เรียนรู้
วันนึงเราก็จะออกไปทำกำไรได้
-------

สรุปคือ ดอลลาร์กับเราไม่ถูกกันในช่วงหลังๆ
ก็ทุบใส่อย่างเดียว ค่าเงินที่วิ่งใกล้เคียงที่สุดก็คือ
EURUSD ซึ่ง swapแดก_____มากๆ

ภายในปีหน้าถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนไปก่อน
ก็ยังคงshort dxy หรือ usd ต่อไป
ไม่ว่าราคาไหน ก็ต้องมีเรา
















“ When you're a kid, you lay in the grass and watch the clouds going over, and you literally don't have a thought in your mind. It's purely meditation, and we lose that. ” : Dick Van Dyke


Goodluck,
Introvert man.

บันทึก : ความคิด : เวลาและหัวโขน

(photo : sereesolution.com)
(ถ้าในสมัยนี้เด็กเหล่านี้จะโดนสังคมประนามอะไรไหม?
ยุคสมัยเปลี่ยนหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป
เราเพียงยึดติดและสร้างกฏเกณฑ์ที่จับต้องไม่ได้ขึ้นมา
เพียงเพื่อทำให้บางอย่างสูงค่าและบางอย่างด้อยค่าลง)



เรานั่งคิดย้อนไปหลายๆคนที่เราได้พูดคุย
ทั้งในโลกออนไลน์และพบปะพูดคุยกัน
มีทั้งเทรดเดอร์ที่เทรดมานานแต่ไม่ประสบผลอะไรมากมาย
และเทรดเดอร์ที่ผันตัวเองไปเป็นอย่างอื่นๆ
เช่น โค้ช อาจารย์ ผู้แนะนำการลงทุน ต่างๆ
หากินกันโบรค หรือหากินกับเทรดเดอร์ก็ตาม

เรามองเห็นสิ่งหนึ่งที่บุคคลเหล่านี้มีคล้ายๆกัน
(ออกตัวก่อนว่าเราคิดเอง และไม่ได้หมายความว่าเราถูก)
คือ คนเหล่านี้พยายามจับปลาหลายมือ
ถ้าหลายมือเพื่อเอาตัวเดียวยังโอเค
แต่ส่วนใหญ่เลยหลายมือแล้วก็จะเอาให้ได้ทุกมือ

เทรดเดอร์ที่เริ่มเทรดมาพร้อมๆเรา
ทุกวันนี้ก็เห็นแยกย้ายกันไปตามสายทาง
น้อยมากที่จะยังคงเทรดเลี้ยงชีพอยู่
แต่ก็ต้องยอมรับว่า95%แก่กว่าเราหมดเลย
เค้ามีภาระในชีวิตต้องรับผิดชอบต่างกันไป
เราถึงบอกว่าเรื่องพวกนี้เข้าใจได้ ยืนพื้นบนความจริง
ธุรกิจโบรคเกอร์นั้นไม่ผิด แต่คนผิดชอบใช้เป็นข้ออ้าง
-------

แต่วันนี้จะมาพูดถึงว่าทำไม?
ทำไมเค้าเหล่านั้นถึงว่ายน้ำวนอยู่ในอ่าง
สาเหตุก็กล่าวไปแล้วข้างต้น โลภแต่ไม่อยากเสี่ยงอะไร
และสำคัญคือ ใช้เวลาเสียประโยชน์
เวลาที่ควรศึกษาหาข้อมูลดันเอาไปเทรดเสียเงินหมด
เวลาที่เทรดเสียดันไม่ยอมรับความผิด ตามหาสูตรลัดเทพเจ้า
พอหาสูตรไม่พบ ก็ย้ายสายไปหากินกับคนใหม่ต่อไป

จะเห็นได้ว่าเค้าผิดพลาดมาตั้งแต่เริ่มแรก
เค้ามองรูปแบบของเวลาผิดไป
"เร่งเวลาโดยปราศจากตัวเร่งที่ดี"
ทำให้ไม่เกิดสมดุลในธรรมชาติ
ผลตอบแทนจึงไม่เกิด หรือเกิดได้ก็ไม่งามนัก
เหมือนการปลูกต้นไม้ หรือเลี้ยงหมู
แล้วก็พยายามอยากให้พวกมันโตไวๆ
โดยใส่สารเร่งผิดชนิด หรือไม่ใส่สารเร่งเลย
แล้วก็รอ สุดท้ายเราๆก็รู้กันอยู่
ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาไม่สวยแน่นอน

ในเมื่อธรรมชาติสอนเราแล้ว
เราควรเอามาคิด เปิดมุมมอง
แล้วไตร่ตรองใหม่ ว่าเรากำลังทำอะไร
เวลาที่เสียไป คุ้มค่าหรือยัง
ไม่ใช่คุ้มค่ากับตัวของคุณเองนะ

แต่มันคุ้มค่ากับสิ่งที่คุณต้องการแล้วหรือยัง
ถ้ายังไม่คุ้มค่า คิดหรอว่าสิ่งที่คุณต้องการนั้น
คุณจะได้มันมา คุณรู้อยู่แล้ว
เราเชื่อว่าทุกคนรู้
ตอนนี้
ก็เหลือเพียงแค่ "ทำ"
รู้แล้วไม่ทำก็เท่านั้น
ขอให้พลังสถิตแก่ผู้ลงมือทำทุกท่าน
----------

คุณเรียนรู้อะไรบ้างแล้ว5ปีที่ผ่านมา
เวลาคุณเป็นเวลาคุณภาพหรือเวลาไร้ประสิทธิภาพ
ยอมรับความเจ็บปวดถ้ามันจริง
แล้วพัฒนาหลักการตามที่ลุงเรย์ว่าไว้
ให้ความเจ็บปวดมันสอนเรา ไม่ใช่ขี่หลังเรา

แล้วโดยเฉพาะคนที่เทรดมามากกว่า7ปีแล้ว
คุณต้องยอมรับกับตัวคุณเองตรงๆ ด้วยความสัตย์
ว่าคุณก้าวหน้าขึ้น หรือยังอยากจับหลายมืออยู่
มันไม่ใช่ความล้มเหลวที่จะพังชีวิตคุณ
แต่มันจะพาคุณไปข้างหน้า เพียงคุณยอมรับ
ยอมรับกับตัวเอง
ยอมรับความจริงครับ
ไม่ต้องกลัวกับแค่คำที่คนอื่นเรียกคุณว่า "โค้ช อาจารย์ หรือ ดร."
ไม่ว่าคำไหนนำหน้า คุณก็สามารถยอมรับว่าคุณ"อ่อน"ได้

หัวโขนพวกนั้นคุณต้องสละให้ได้
อย่างในหนังเรื่องInterstellar
ที่พระเอกบอกว่า
“Newton’s third law. You gotta leave something behind.”
หรือแปลตามที่เค้าแปลก็คือ
"กฎข้อที่สามของนิวตัน วิธีเดียวที่มนุษย์จะหาทางไปที่ไหนสักที่ได้ ก็คือการทิ้งบางสิ่งไว้เบื้องหลัง"
ถ้าคุณไม่เสียสละอะไรเลย
คุณยิ่งยากที่จะพัฒนาตัวเองไปได้
(ยกตัวอย่างหนังทำไมก็ไม่รู้)

เช่นนั้นเรามองว่าคนที่มีหัวโขนเนี่ย
จะทำให้ติดกับดักตรงนี้ได้ง่ายมากๆ
และพัฒนาตัวเองไปได้ช้ากว่าคนทั่วไปมากๆ
(วัดเป็นตัวเลขไม่รู้ มโนเอาว่าหลายสิบเท่ามั้ง)

ด้วยรักและเป็นห่วง
เราได้เพียงภาวนาให้เพื่อนมนุษย์เรา
ไม่อคติกับเรา และเข้าใจความรู้สึกดีๆจากเรา
อย่าลืมทุบกำแพงความคิดไปพร้อมๆกับเรากัน
เราก็ไม่ได้เลอค่าไปกว่าใคร
จับมือเดินไปพร้อมกันนะครับ



ปล. เรื่องพวกนี้จริงๆเขียนไปมากแล้ว แต่ก็ยังขอเขียนต่อไป เขียนจนกว่าจะไม่มีแรง
ปล2. ไม่ได้หมายความว่าคนแก่ล้มเหลว คนหนุ่มสำเร็จนะ วัยวุฒิแทบไม่เกี่ยวเลย การเรียนรู้ในช่วงวัยนั้นต่างหากที่ส่งผลถึงทั้งหมด
ปล3. ไม่มีเจตนากล่าวว่าผู้ใด ให้เข้าใจได้ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องแต่งขึ้น เพื่อความสบายใจของแต่ละคนสามารถจินตนาการเป็นบุคคลใดก็ตามแต่ใจรักหลงได้เลย

















“ Do not go gentle into that goodnight. Old age should burn and rage. Rage,rage against the dying of the light. ” :  Dylan Thomas


Goodluck,
Introvert man.

1stPDIMHT : Week17 : G20 Meetings

https://www.myfxbook.com/members/superman_hero/1stpdimht/3337248
เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามลิงค์
-------------------



พอร์ทPAMMสัปดาห์ที่ผ่านมา
เก็บCFได้จากNZDJPYที่พุ่งขึ้นมาเยอะ
ถ้าไม่ติดว่ากระสุนหมดจะถือยาวกว่านี้
แต่จำเป็นต้องสลับกระสุนมาใช้งาน
ขายหมูไปตามระเบียบ

ตอนนี้ก็ยังเกือบเต็มลิมิตแล้ว
รอ รอ นั่งรอที่ท่าน้ำทุกวันเลย
พี่มากก็ยังไม่ยอมกลับมา
-----------

DDเพิ่มมาทำAll time highแล้ว
วิ่งไปถึง12.64% ในMql5อยู่ที่12.8%
เป้าที่ตั้งไว้ไม่อยากให้เกิน30%
ก่อนทำalphaได้
หลังจากถอนทุนออกแล้ว
ก็ไม่จำกัดDDแล้ว ตามแผนที่วางไว้


























“ Who cares about the clouds when we're together? Just sing a song and bring the sunny weather. ” :  Dale Evans


Goodluck,
Introvert man.

CWS-2019 : จบWeek26 : รอ..มีหวัง

https://www.myfxbook.com/members/Cassowaryleague/cws-2019-swingtrade-imht-pipatara/2793222
เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามลิงค์
-------------------



พอร์ทCassowaryสัปดาห์ที่ผ่านมา
ยังคงติดดอยลึกมาก
แต่ยังมีหวังที่ราคาจะกลับมาในเดือนหน้า
ไม่อยากดอยข้ามเดือนเกินไป


ใจจดใจจ่อนั่งรอต่อไป
----------

























“ If you want to relax, watch the clouds pass by if you're laying on the grass, or sit in front of the creek; just doing nothing and having those still moments is what really rejuvenates the body. ” : Miranda Kerr


Goodluck,
Introvert man.

Friday, June 28, 2019

Principles : Ray Dalio : ปัจเจกบุคคล

ความเข้าใจส่วนตัว
และความเห็นส่วนตัว
ที่มีต่อการได้อ่าน
Principles ของ Ray Dalio
*ลุง = เรย์
--------



เมื่อลุงเริ่มมีวิธีมอง และคิดเรื่องต่างๆในมุมใหม่ๆแล้ว
ลุงก็เรียนรู้การชั่งน้ำหนักของข้อมูลที่ลุงได้รับมา
มันก็จะเพิ่มโอกาสที่ลุงจะถูก(เดาตลาดถูก คิดว่านะ)
และในเวลาเดียวกันนั้น
ลุงก็ต้องทำตามหลักการของลุงด้วย

ลุงมีการจดบันทึกเกณฑ์การตัดสินใจ
เรียกได้ว่าลุงติดนิสัยจดบันทึกเลย
จนลุงบอกว่าหลายปีผ่านไปมันสะสมไปเรื่อยๆ
จนกลายเป็นเหมือนสูตรอาหารสำหรับการตัดสินใจ
(สูตรอาหารเราคิดว่าลุงคงหมายถึง
ความละเอียดของสูตรอาหารที่ต้องอาศัยแม่นยำ)

ในที่นี้เราก็คิดว่าลุงมีหลักการ
แต่ในขณะเริ่มแรกลุงก็ยังไม่คล่องกับการใช้หลักการ
แต่ลุงก็ทำมันจนเป็นนิสัย
เราเลยมโนว่าอาจถึงขั้นAuto pilotเลย
มันเลยกลายเป็นสูตรสำเร็จที่กรองมาจากประสบการณ์ของลุง
ว่าอันนี้ต้องอย่างงี้ อย่างงั้น
----------

แล้วลุงก็นำหลักการนี้ไปแบ่งปันกันคนในบริษัท
Bridgewater Associates
ลุงก็ได้เชิญเพื่อนร่วมงานลุง(ไม่รู้ว่าใคร แต่คิดว่าต้องมีอะไรพิเศษ)
ให้มาทดสอบหลักการของลุง
แล้วลุงก็ขัดเกลา และพัฒนาไปอีก
ถึงขั้นจัดระบบการตัดสินใจของเราได้เลย

เกณฑ์การตัดสินใจของลุงนั้น
มีหลักการมากๆเลย สามารถเขียนไปเป็น
Algorithmลงในคอมพิวเตอร์
และใช้ระบบการตัดสินใจทั้ง2แบบคู่กันไป
ก็คือทั้งตัวเรย์เองและAlgorithmนั้นด้วย
อ่านแล้วมันสุดยอดเลย
อยากจะเขียนตัวเองลงไปบ้างจัง ฮ่าๆ

ลุงได้เรียนรู้ว่าตัวคอมพิวเตอร์นั้นตัดสินใจได้ดีกว่าลุง
ประมวลผลเร็วกว่า และ ไร้ซึ่งอารมณ์
ในที่นี้มันก็อาจมองได้หลายมุม
ในมุมของการลุงทุนระดับลุงนั้น
อารมณ์ก็คงไม่ส่งผลที่ดีเท่าไหร่นัก

ลุงได้เอ่ยไปถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลง
การตัดสินใจของผู้คนทั่วโลก
ลุงถึงขั้นบอกว่ามันจะช่วย
"ให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นในทุกด้านของชีวิต"
---------

สิ่งสำคัญที่สุดที่ลุงบอกคือ
การที่เราพัฒนาหลักการของเราและเขียนมันออกมา

ลุงยกให้หลักการนี้ ไม่ใช่ตัวลุงเอง
ที่ทำให้ลุงเป็นและมีอย่างทุกวันนี้
ลุงเรียกมันว่า "จุดสูงสุด"
และมันมาไกลเกินกว่าที่ลุงฝันไว้

ที่ลุงยกตัวอย่างมาก็มี
- สร้างบริษัทเอกชนที่สำคัญที่สุดอันดับ5ของเมกาจากอพาร์ตเมนต์
- ลุงได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลที่รวยที่สุดติดอันดับ1ใน100ของโลก
- และลุงได้รับการพิจารณาเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด1ใน100เช่นกัน

ลุงโครตโหด
พวกเราไปสร้างหลักการเป็นของตัวเองสะ
ลุงเน้นย้ำเยอะมากๆเท่าที่อ่านมา
"หลักการของเราเอง"
ไม่ใช่หลักการเลียนแบบคนอื่นหรือคนดัง
หลักการที่เราประกอบร่างขึ้นมาเอง
ตามธรรมชาติของแต่ละปัจเจกบุคคล
----------

โอเค อ่านเองเข้าใจเอง
ตีความตามความเข้าใจเราเอง
อาจจะมั่วบ้าง ก็ไม่ขอโทษใครแล้ว
บทความต่างๆนี้บันทึกไว้อ่านเองภายหลัง
และเอาไว้เทียบกับการกลับมาอ่านรอบที่2-3-4-5
บางอย่างอาจเปลี่ยนไปตามวัยวุฒิ คุณวุฒิ เวลา
ลุงบอกให้เปิดสมองอ่าน
ต้องไปหาเลื่อยมาแหกกระบาลเสียแล้ว ฮ่าๆ


ปล. อ่านไปเพิ่มอีกแค่2หน้าเอง เขียนออกมายาวยืดเลย ชาติวันไหนเราจะอ่านจบทั้งเล่มเนี่ย 3ปีไหม?



















“ Clouds come floating into my life, no longer to carry rain or usher storm, but to add color to my sunset sky. ” : Rabindranath Tagore


Goodluck,
Introvert man.

Thursday, June 27, 2019

Principles : Ray Dalio : ผมล้างพอร์ท แต่ผมไม่ตาย

ความเข้าใจส่วนตัว
และความเห็นส่วนตัว
ที่มีต่อการได้อ่าน
Principles ของ Ray Dalio
*ลุง = เรย์
--------



เกริ่นนำยังไม่จบนะ
มีหน้าอ่านเป็นสิบรอบก็ยังงงๆนะ
แต่ก็ได้คร่าวๆมาราวๆว่า
ลุงแกเชื่อว่าเราต้องเจอประสบการณ์ของความล้มเหลว
ยิ่งเป็นความล้มเหลวที่เจ็บปวดมากๆยิ่งดี
แต่...ห้ามล้มเหลวจนหายไปจากเกมส์นะ

ก็คงเหมือนกับพวกนักฟุตบอลงี้
คือโดนสไลด์ได้ แต่ห้ามขาหัก
ต้องรู้จักลงให้ถูกท่า บาดเจ็บน้อยที่สุด
แล้วยังไงนักบอลถึงจะลงได้ถูกท่า
ก็ต้องเรียนรู้วิธี และเอาไปลองจริง
คือง่ายๆ คุณมึ_ต้องโดนสไลด์บ่อยๆ
เดียวก็ล้มเทพๆเป็น
จนบางคนก็นำไปแกล้งล้มในกรอบจนได้จุดโทษ
หลอกกรรมการได้
อันนี้คือ"มโน"ว่าลุงสื่อออกมาแนวๆนี้
เพราะอ่านหลายรอบแต่ภาษามันคลุมเคลือมาก

อะ แล้วถ้าเราเป็นเทรดเดอร์ก็คงหมายถึง
ล้างพอร์ทได้ แต่ห้ามหมดตัว
หรือถ้าทุ่มหมดตัว ก็ห้ามล้างพอร์ท
อ่าวววว ..... นี่มัน...CS....ของโยดาเราเลย
-----

แต่เรื่องนี้ลุงไม่ได้กล่าวไว้แบบชัดเจน
เรามโนเอาเอง คือ
การล้มเหลาในที่นี้ต้องมีการเรียนรู้ด้วย
ไม่ใช่ล้มเหลวแล้วเริ่มใหม่ แล้วก็ทำแบบเดิม
มันก็จะวนลูปอยู่อย่างงั้น
เราต้องเรียนรู้ พัฒนา แล้วก็คิดใหม่

ลุงบอกให้"พัฒนาความกลัวที่ดีในการทำผิดพลาด"
เราแปลไทยเป็นไทยคือ
อย่ากลัวการทำผิด แต่ต้องเรียนรู้จากมัน
อยู่กับมัน มองในมุมที่เราไม่เคยมอง
มองให้ความผิดพลาดเป็นโอกาสก็ยังได้
ถ้าเราจะมอง
ประเด็นคือ "เราไม่ทำ"
ต่อจากนี้ก็เพียง "ลงมือทำ"
----

ลุงบอกว่าความผิดพลาดของลุง
ทำให้ลุงเปลี่ยนมุมมองใหม่
จากที่มองว่า "ผมรู้ว่าผมถูก"
ไปเป็น "ผมจะรู้ได้อย่างไรว่าผมถูก"
(ถูกในที่นี้คงหมายถึงเดาทิศทางตลาดถูก)

คือเราเสริมความคิดเราตรงนี้นิดนึง
เราคิดว่าความผิดพลาดต่างๆของแต่ละคน
มันให้บทเรียนต่างกันไป ในที่นี้ของลุง
มันให้มุมมอง ให้ลุงคิดอะไรใหม่ๆ
เราไม่ต้องยึดติดว่าความผิดพลาดนั้น
จะให้มุมมองเราใหม่ๆเสมอไป
อย่างที่บอก บางที่ความผิดพลาดมันให้โอกาสเรา
เป็นโอกาสที่2 ที่น้อยคนจะได้รับ

พอลุงเริ่มได้มุมมองใหม่ๆ
ลุงก็เริ่มคิด และเริ่มมองสิ่งต่างๆ
ผ่านสายตาคนอื่นๆ (คนเก่งๆ)
ทำให้ลุงได้เห็นมิติต่างๆมากขึ้น
คงคล้ายๆกับการเห็นโลกในมุมอื่นๆ
ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีมากๆเลย
เราก็พยายามทำให้เป็นนิสัยแบบAuto pilotอยู่เช่นกัน

ไม่ไหวละ อ่านวนเป็นสิบรอบ
เพราะช่วงแรกๆ ประโยคที่แปลมาแล้ว
มันค่อนข้างกำกวม
เดียวมาต่อรอบหน้า
ว่าลุงมองโลกในมิติใหม่ๆ
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหลักการของลุง
----------

โอเค อ่านเองเข้าใจเอง
ตีความตามความเข้าใจเราเอง
อาจจะมั่วบ้าง ก็ไม่ขอโทษใครแล้ว
บทความต่างๆนี้บันทึกไว้อ่านเองภายหลัง
และเอาไว้เทียบกับการกลับมาอ่านรอบที่2-3-4-5
บางอย่างอาจเปลี่ยนไปตามวัยวุฒิ คุณวุฒิ เวลา
ลุงบอกให้เปิดสมองอ่าน
ต้องไปหาเลื่อยมาแหกกระบาลเสียแล้ว ฮ่าๆ


ปล. รอบนี้อ่านไป2หน้า OMGไม่อยากเชื่อเลยว่าอ่านได้แค่2หน้าก็ปวดหัวจะแตก ต้องแปลไทยเป็นไทยเยอะมากๆ มีต้องนั่งเทียนกลับไปนึกอีกว่าถ้าเป็นENGจะเป็นคำไหน แล้วจะแปลออกมาได้แบบไหนอีก มันช้าตรงนี้เลย



















“ A man is born alone and dies alone; and he experiences of his karma alone; and he goes alone to hell or the supreme abode. ” : Chanakya


Goodluck,
Introvert man.

Wednesday, June 26, 2019

บันทึก : เหตุการณ์ : bitcoin



Bitcoinราคาพุ่งไปเหยียบ13,000ได้อีกครั้ง
หลังจากต้นปีที่ราคาราวๆ3,500
แซวเค้าไว้เยอะ
วันนี้เลยมาบันทึกไว้ว่า
เค้าไม่ได้มาเล่นๆนะ
จริงจังมากๆ ใครshortโดยไม่ถือassetไว้เนี่ย
น่าจะเศร้าหนักมากเลย

แต่ก็ไม่รู้ว่ายังไง
รอเซียนออกมาก่อน
เซียนน่าจะดอยแถวๆราคานี้เยอะ
เพราะช่วงที่มันลงมาเค้ารับกันไว้เยอะ
พรุ่งนี้เช้าคงมีกระแสกลับมาอีกครั้ง

ส่วนตัวขายออกไปหมดแล้ว
ไม่ได้เล่นเยอะด้วยแหละ

เดียวไปชนHighเดิม
หรือAll-Time Highได้เมื่อไหร่
จะมาลงบันทึกด่วนๆไว้อีกครั้ง
ว่าเราตกรถไฟเหาะครั้งใหญ่เลย




















“ Waiting is painful. Forgetting is painful. But not knowing which is the worse kind of suffering. ” : Paulo Coelho


Goodluck,
Introvert man.

Principles : Ray Dalio : ลุงเรย์

ความเข้าใจส่วนตัว
และความเห็นส่วนตัว
ที่มีต่อการได้อ่าน
Principles ของ Ray Dalio
*ลุง = เรย์
--------


หน้าของการเกริ่นนำเราอ่านแล้ว
รู้สึกว่าลุงต้องการสื่ออย่างหนักหน่วงว่า
หลักการสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมาย
สำคัญต่อการตัดสินใจต่างๆ
ง่ายๆคือ สำคัญต่อการดำเนินชีวิต

ซึ่งลุงไม่ได้บอกว่าใครมีหลักการเป็นของตัวเอง
เราเดาว่า ลุงมองว่าหลายๆคนมีหลักการเป็นของตัวเอง
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ทำตามหลักการที่วางไว้นั้นได้เสมอๆ
เราเลยตั้งคำถามว่า "แล้วอะไรทำให้ลุงทำตามได้เสมอๆ"
ลุงแนบท้ายมาว่า "ผมต้องการให้คุณตั้งคำถามกับมันทุกคำ"

เราอ่านแล้วรับรู้ถึงความรู้สึกว่า
หลักการที่ลุงพูดถึง
ลุงเชื่อมั่นอย่างมากว่ามันเป็นหลักการ
ที่ช่วยให้ลุงแก้ไขปัญหาต่างๆได้
ลุงก็อยากให้เราค้นหาหลักการของตัวเอง

ลุงบอกว่ามันอาจมาจากประสบการณ์
หรือมาจากคนใกล้ตัว
หรือมาจากสิ่งต่างๆรอบตัวเรา

คำถามของเราสำหรับครั้งนี้
ซึ่งคงเป็นคีย์ให้เราไปอ่านต่อว่า
"แล้วอะไรทำให้ลุงสามารถทำตามหลักการของลุงได้เสมอๆ"
ดูแล้วลุงมั่นใจมากว่าหลักการตรงนี้สำคัญ
และดีมาก ถึงขนาดต้องการบอกเล่าและส่งต่อให้รุ่นต่อไป

แต่...อย่าลืมสิ่งที่ลุงย้ำมากๆคือ
ธรรมชาติของเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน
หลักการของเราก็ไม่เหมือนกัน
ลุงอยากให้เราอ่านPrinciplesตรงนี้
เพื่อไปประกอบร่างเป็นหลักการของเราๆเอง
และมันจะช่วยให้เราๆบรรลุเป้าหมายต่างๆในชีวิตได้
----------

โอเค อ่านเองเข้าใจเอง
ตีความตามความเข้าใจเราเอง
อาจจะมั่วบ้าง ก็ไม่ขอโทษใครแล้ว
บทความต่างๆนี้บันทึกไว้อ่านเองภายหลัง
และเอาไว้เทียบกับการกลับมาอ่านรอบที่2-3-4-5
บางอย่างอาจเปลี่ยนไปตามวัยวุฒิ คุณวุฒิ เวลา
ลุงบอกให้เปิดสมองอ่าน
ต้องไปหาเลื่อยมาแหกกระบาลเสียแล้ว ฮ่าๆ


ปล. อ่านไป6หน้า ปวดหัวแล้ว นั่งอ่านซ้ำ3-4รอบกว่าจะตีความได้เข้าใจ



















“ My focus is to the pain of life. Forget the pain, mock the pain, reduce it. And laugh. ” : Jim Carrey


Goodluck,
Introvert man.

Tuesday, June 25, 2019

Principles : Ray Dalio : เริ่มต้นการเดินทาง

มาแล้วหนังสือที่ดีแห่งปี2019
หนังสือแข็งแรงดี ส่งไวมาก
แพ็คมาดี รีวิวให้เค้าหน่อย
สั่งจาก investing.in.th

หลังจากเคยอ่านสรุป
ที่ลุงได้แนะนำไปหลายปีก่อนแล้ว
มีพี่ๆใจดีหลายท่านเลย
ทั้งเทรดเดอร์ นักอ่าน นักรีวิวหนังสือ
มาสรุปให้อ่าน
มีทั้งแบบยาว แบบย่อ
คือหลายปีที่แล้วหลังจากลุงแนะนำ
ก็มีหลายแหล่งให้หาอ่านแบบสรุปได้

ส่วนตัวคือภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยจริงๆ
เลยไม่ได้ซื้อVerนั้นมาอ่าน ยังไม่รวยพอด้วย
ขอเก็บเงินไว้กินข้าวก่อนแล้วกัน
แต่วันนี้ในเมื่อมีVerไทยเลยต้องจัดมา1

ยังไงก็แล้วแต่ ถ้าอ่านแล้วและว่างพอ
จะมาสรุปไทยเป็นไทยอีกที
ลงไว้ในRead-write
ซึ่งจะสรุปเป็นVerที่เราเข้าใจเองคนเดียว
เพื่อในอนาคตเราอยากกลับมาซึ้งในรสพระธรรม
เราก็มาค้นหาในblogนี้ได้ง่ายๆเท่านั้น
ไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลใดๆ

เพราะblogนี้เป็นสิ่งที่ดีมากๆเลย
ในModeของเจ้าของเนี่ยถ้าใครเคยทำBlogจะทราบว่า
มันสามารถค้นหาบทความต่างๆได้ง่ายและเร็วมาก
เพียงแค่พิมพ์คำลงไปมันก็เด้งมาเยอะแยะ
บอกตรงๆอยากให้ทุกๆคนทำเลย
นี่คือข้อดีที่เรามองว่ามันดีกว่าFacebook
Facebookก็มีข้อดีต่างไปและเนอะ

อะขอแปะรูปตอนหนังสือใหม่ๆหน่อย
ถ้าได้ลุยอ่านแล้วคงเละแน่แท้

สุดท้ายนี้เราก็ต้องขอบพระคุณโชคชะตา
หรืออะไรก็แล้วแต่ facebookด้วย
ที่ทำให้เราได้ไปเจอลุงไม่ช้าไปกว่านี้
ในใจยังคิดว่าน่าจะเจอForexและลุงเร็วกว่านี้
แต่ก็โอเค ขอบพระคุณลุงมากๆ
ที่ทำให้ประเทศไทยได้มีหนังสือดีๆอ่าน
ขอบพระคุณสำนักพิมพ์ ผู้แปล
และลุงRayที่ส่งต่อสิ่งดีๆให้ลิงทั้งหลาย
ได้พัฒนาโลกใบนี้ต่อไป

ลิงตัวน้อยนี้ขอฝึกฝนวิทยายุทธ์เป็นของตนเอง
แล้วเราจะส่งต่อสิ่งดีๆเหล่านี้แบบลุงต่อไป
เราจะเดินตามรอยลุง
ถ้าทำได้ เราจะทำให้ดีกว่าลุง
และรุ่นต่อไปต้องดีกว่าเรา ดีขึ้นไปเรื่อยๆ




















“ Never give up and don't ask why because every situation does not need an answer. I'm a firm believer that I don't worry about anything I can't control. ” : Eric Davis


Goodluck,
Introvert man.

Monday, June 24, 2019

EURUSD : predict-bias : จุดพลุ



ผ่านมา6เดือนแล้วจากโพสต์แรกของเรา
https://im-ht.blogspot.com/2018/11/eurusd-predict-long-bias.html
ก็เรียกว่าถ้าไม่ขึ้นตรงนี้ก็ตายเพราะswapแล้วแน่ๆ
ยังดีที่พอได้เก็บCFระหว่างที่มันเหวี่ยงบ้าง
เพียงคุ้มกับค่าswapแต่ยังไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไป

ตอนนี้เราจึงต้องโกยให้มากที่สุด
โกยยังไงดี ไม่ใช่การอัดlotเข้าไป
ไม่ใช่การsnowballแบบสามเหลี่ยมแน่ๆ
หรือDSM หรือบลาๆ
แต่คือ.....

การอดทนครับ
อดทนรอให้ราคาขยับไปตามเป้าหมายเรา
ซึ่งวันนี้อารมณ์ดีหน่อย
เลยมาแจกแจงTPคร่าวๆ
คร่าวๆจริงๆนะ
ที่เหลือไปปรับเอาหน้างาน
โอเค ลุย


ภาพนี้แปะมาพร้อมTpเลย
คือราคาตอนนี้อยู่ที่ 1.139x
เป้าแรกเลยคือ 1.159x หรือหมายถึงอีก2,000points
เป้าต่อไปคือ 1.168x หรือหมายถึงอีก 3,000points
เป้าต่อไปคือ 1.182x หรือหมายถึงอีก 4,300points
เป้าต่อไปคือ 1.200x หรือหมายถึงอีก 6,100points

คือมันก็ง่ายๆแหละจริงไหม
ไอส่วนที่ยากคือการ "อดทน" "รอ"
โดยมีswapมหาโหดมากินหัวในทุกวัน

และเรายังวางเป้ายาวเหมือนเดิมคือ
1.23-1.25 คือราคาในโซน3เช่นเดิม
คิดไว้ว่าราคาน่าจะไปถึง
แต่ออร์เดอร์เราน่าจะอยู่ไม่ถึง
รับไม่ไหวจริงๆ 1.200 นี่ก็คงอกแตกตายแล้ว

ก็ไม่มีอะไรแล้วละ แจกแจงเป้าหมายกัน
ถ้ามันดิ่งลงไปอีกก็ยังแผนตามเดิม
แต่ก็สะสมของเพิ่มแค่นั้นเอง
ส่วนตัวยังมองว่าถ้าลงไปอีก
ยิ่งลึก ยิ่งคือโอกาสที่ดีมากขึ้น

หลักการตั้งTpก็ง่ายๆ ตั้งๆไปเถอะ
ส่วนตัวเรา ส่วนใหญ่ไปไม่ถึงtpหรอก
ขายกินออกไปก่อนแล้ว
ตามนั้น

สุดท้ายเราคิดว่าทุกๆคนก็มองออกได้แบบเรา
ว่าราคามันจะไปถึง1.25ได้แน่ๆ
เพียงแค่เราอดทนรอได้ไม่เท่ากัน
ใครอดทนได้มากสุดก็ชนะ
ชนะไม่ได้ชนะตลาด หรือชนะคู่แข่งขันนะ
ชนะใจตัวเอง

-------

เพิ่มเติม
เราเชื่อว่าระหว่างทางเนี่ยก็จะมีเทรดเดอร์
เทรดเข้า-ออกตลอดเวลา
ซึ่งแน่นอนตลาดถูกขับเคลื่อนด้วย
คุณๆเหล่านั้นเลย
ขอบพระคุณมากๆนะครับ





















“ I believe if you keep your faith, you keep your trust, you keep the right attitude, if you're grateful, you'll see God open up new doors. ” : Joel Osteen


Goodluck,
Introvert man.

Think it : Feel it : Do it

ประเดิมบทความแรกหลังจากงดโพสต์ข้อความลงเพจ
เพจFBต่อไปจะทำแค่แชร์จากแหล่งอื่นอย่างเดียว
การโพสต์เนื้อความต่างๆ โดดๆจะนำมาลงในBlogให้หมด
ไม่ว่าจะสั้นมากๆ หรือยาวๆโครต
----------

ส่วนตัวเนี่ยเป็นวัยรุ่นคนนึงเช่นกัน
สมัยรุ่นๆนั้นก็เลือดร้อนเป็นเหมือนเด็กช่างกลทั่วไป
โดดเรียน ไปเตร็ดเตร่ตามภาษา
และนิสัยบางอย่างยังคงติดตัวมาจนวันนี้
ถามว่าจะโทษว่าเรียนช่างกลตีกันอะไรนี้หรอ
ป่าวเลย เรามองไปลึกกว่านั้น
เรามองว่าครอบครัวเราค่อนข้างมีปัญหา
และประจวบกับช่วงเราหัวเลี้ยวหัวต่อพอดีไปอีก

ทุกอย่างมันพอดิบพอดีในช่วงวัยนั้น
ทำให้เราเป็นอย่างนั้นและอย่างนี้ในวันนี้
เราเป็นคนโมโหง่าย แต่หายเร็ว
egoจัด รั้นสังคม ขวางโลก
อีกเพียบ

"เรากำลังแก้หลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน เพราะต้นตอปัญหามันมีอยู่"

เราดันมองแบบนี้ คือ
เรามองว่าตัวต้นเหตุนะมันมาจากแหล่งเดียว
คือ"ความเห็นแก่ตัว"ลึกๆในใจของเรา
มันทำให้เรามีอคติกับหลายๆอย่าง
การเห็นแก่ตัวในที่นี้
ส่งผลไปหลายอย่าง
มันไม่ได้ออกมาในรูปแบบของการ"เห็นแก่ตัว"โดยตรง
แต่ออกมาในลักษณะ
- ชิงดีชิงเด่น
- แย่งชิงสิ่งที่ต้องการ
- อคติกับคู่แข่ง
- ลักเล็กขโมยน้อย
- ไร้ซึ่งการให้อภัย
- ปากว่าตาขยิบ
- โกงได้เมื่อเวลามาถึง
- ทำทุกอย่างที่จำเป็นได้ถ้าทำให้เรารอด
- โกหกคำโต
- หวาดระแวงต่างๆ
- คิดแง่ลบกับคนอื่นๆ
- เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล
สาธยายไม่หมดจริงๆ
แต่โดยรวมๆแล้วนิสัยนี้ออกไปทาง
เทาเข้มๆเลย ไม่ถึงกับดำ
แต่สังคมรังเกียจแน่นอน
(Photo : book5bath.com)
----------

พอเรามองเห็นจุดspotของปัญหาแล้ว
เราก็แก้ไปที่มันโดยตรง
แต่ความโหดมันอยู่ตรงที่ว่า
ต้นตอปัญหามันฝังลากลึกมานานกว่ามาก
นิสัยแย่ๆมันแก้ได้ง่ายๆ
แต่สันดรที่ฝังลึกมันแก้ยากมาก
ตอนนี้เรายังเชื่อว่ามันแก้ไขได้นะ

แต่บางคนก็ว่ามันแก้ไม่ได้มันอยู่ในDNAของปัจเจกบุคคล
มันแต่เราขัดเกลาเพื่อบรรเทาความหยาบลง
ให้เจ้าDNAที่จะส่งไปต่อนั้นสมบูรณ์มากขึ้น
อันนี้ก็แล้วแต่ความคิดความเชื่อแล้วกัน
ส่วนตัวเราขอแก้ไขไปจนกว่าจะไม่สามารถ

ท้าวความไป เมื่อก่อนเรายังเด็ก จริงๆตอนนี้ก็เด็ก
แต่คือเมื่อก่อนเราไม่มีสำนึกในความรับผิดชอบ
ไม่สำนึกในผลของการกระทำใดๆ
เรียกว่า "เหี้ย" เลยยังได้
หลังจากเหี้ย(ในเชิงนั้นมิใช่ค้าขายยาเสพติด ฆ่าคนตายนะ)จนสุดๆแล้ว
เราก็เล่าไปแล้ว เราได้ประสบบุคคล
และทัศนคติเปลี่ยนโลก(โลกของเรา)
อนึ่งเหมือนกันบรรลุซึ่งหลักแห่งธรรม
เรานั่งอึ้งน้ำตาคลอเบ้า
ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้
ไม่สามารถแก้ตัวกับสิ่งเลวร้ายต่างๆได้
ไม่สามารถขอโทษกับบุคคลต่างๆที่เราทำไม่ดีด้วยได้
แต่เราสามารถทำได้อย่างเดียวหลังจากนั้น
คือ การทำตัวเองให้ดี พัฒนาทัศนคติเราให้ดี
แล้วนำสิ่งดีๆไปส่งต่อให้คนรุ่นหลังสืบไป
------------------

วันนี้คุณกล้าเปลี่ยนชีวิตที่ดีอยู่แล้วให้ดีกว่าไหม
หรือคุณแค่ฟัง อ่าน รับรู้สิ่งที่คนอื่นๆบรรยายออกมา
แล้วก็จิตนาการตามไป หลับฝันแล้วก็จบลง
ไร้ซึ่งการลงมือทำใดๆ
นั้นก็ไร้ซึ่งความหมายใดๆ
เรานิยมให้ใครก็ตามหันมาเปลี่ยนแปลงชีวิต
โดยเฉพาะเด็กๆ
เนื่องจากเรามองว่าเรื่องการเปลี่ยนแปลงนั้น
ทำได้ "ยาก" และต้องใช้ "เวลา"
(ทั้งสองอย่างต้องบวกคำว่า "มากๆ" เข้าไปด้วย)
เด็กและวัยรุ่นจึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ
ในการพัฒนาศักยภาพต่างๆขึ้นมา
หากสูญเสียเวลาไปแล้วนั้น ก็ไม่มีทางวนมันกลับมาได้อีกต่อไป
และเราไม่อยากให้เด็กคนไหนโตขึ้นมาแบบเรา
สูญเสียช่วงเวลาที่ควรจะดีที่สุดไป
เพียงเพราะ ทัศนคติแย่ๆของตัวเอง
สูญเสียเพื่อน มิตร ที่ดีๆไป เพียงเพราะตัวเอง
(Photo : allaboutkids.cc)


เป็นกำลังใจให้ทั้งคนที่กำลังสู้อยู่
เราจะค่อยๆแก้มันทีละนิดไปพร้อมกัน
เราจะค่อยๆขัดเกลามันไปทีละหน่อย
แล้วเราจะเป็นรุ่นที่ดีให้กับรุ่นที่ดีกว่าต่อไป
ขอเหล่าท่านทั้งหลายจงมีพลังสถิตทั้งในกายและในใจ




ปล. ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นพูดในเฉพาะกรณีที่รับรู้ตนเองว่าทัศนคติตนเองนั้นแย่ และอยากพัฒนาให้ดี ไม่กล่าวไปถึงบุคคลที่มีทัศนคติที่ดีตามความพึงพอใจของตัวบุคคลนั้นแล้ว
ปล2. บทความนี้ก็ยังคงมีความเป็นเราอยู่ ถ้าคุณอ่านดีๆอาจจะเจอความเห็นแก่ตัวที่ซ่อนอยู่























“ The greatest gift that you can give to others is the gift of unconditional love and acceptance. ” : Brian Tracy


Goodluck,
Introvert man.