Monday, June 24, 2019

Think it : Feel it : Do it

ประเดิมบทความแรกหลังจากงดโพสต์ข้อความลงเพจ
เพจFBต่อไปจะทำแค่แชร์จากแหล่งอื่นอย่างเดียว
การโพสต์เนื้อความต่างๆ โดดๆจะนำมาลงในBlogให้หมด
ไม่ว่าจะสั้นมากๆ หรือยาวๆโครต
----------

ส่วนตัวเนี่ยเป็นวัยรุ่นคนนึงเช่นกัน
สมัยรุ่นๆนั้นก็เลือดร้อนเป็นเหมือนเด็กช่างกลทั่วไป
โดดเรียน ไปเตร็ดเตร่ตามภาษา
และนิสัยบางอย่างยังคงติดตัวมาจนวันนี้
ถามว่าจะโทษว่าเรียนช่างกลตีกันอะไรนี้หรอ
ป่าวเลย เรามองไปลึกกว่านั้น
เรามองว่าครอบครัวเราค่อนข้างมีปัญหา
และประจวบกับช่วงเราหัวเลี้ยวหัวต่อพอดีไปอีก

ทุกอย่างมันพอดิบพอดีในช่วงวัยนั้น
ทำให้เราเป็นอย่างนั้นและอย่างนี้ในวันนี้
เราเป็นคนโมโหง่าย แต่หายเร็ว
egoจัด รั้นสังคม ขวางโลก
อีกเพียบ

"เรากำลังแก้หลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน เพราะต้นตอปัญหามันมีอยู่"

เราดันมองแบบนี้ คือ
เรามองว่าตัวต้นเหตุนะมันมาจากแหล่งเดียว
คือ"ความเห็นแก่ตัว"ลึกๆในใจของเรา
มันทำให้เรามีอคติกับหลายๆอย่าง
การเห็นแก่ตัวในที่นี้
ส่งผลไปหลายอย่าง
มันไม่ได้ออกมาในรูปแบบของการ"เห็นแก่ตัว"โดยตรง
แต่ออกมาในลักษณะ
- ชิงดีชิงเด่น
- แย่งชิงสิ่งที่ต้องการ
- อคติกับคู่แข่ง
- ลักเล็กขโมยน้อย
- ไร้ซึ่งการให้อภัย
- ปากว่าตาขยิบ
- โกงได้เมื่อเวลามาถึง
- ทำทุกอย่างที่จำเป็นได้ถ้าทำให้เรารอด
- โกหกคำโต
- หวาดระแวงต่างๆ
- คิดแง่ลบกับคนอื่นๆ
- เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล
สาธยายไม่หมดจริงๆ
แต่โดยรวมๆแล้วนิสัยนี้ออกไปทาง
เทาเข้มๆเลย ไม่ถึงกับดำ
แต่สังคมรังเกียจแน่นอน
(Photo : book5bath.com)
----------

พอเรามองเห็นจุดspotของปัญหาแล้ว
เราก็แก้ไปที่มันโดยตรง
แต่ความโหดมันอยู่ตรงที่ว่า
ต้นตอปัญหามันฝังลากลึกมานานกว่ามาก
นิสัยแย่ๆมันแก้ได้ง่ายๆ
แต่สันดรที่ฝังลึกมันแก้ยากมาก
ตอนนี้เรายังเชื่อว่ามันแก้ไขได้นะ

แต่บางคนก็ว่ามันแก้ไม่ได้มันอยู่ในDNAของปัจเจกบุคคล
มันแต่เราขัดเกลาเพื่อบรรเทาความหยาบลง
ให้เจ้าDNAที่จะส่งไปต่อนั้นสมบูรณ์มากขึ้น
อันนี้ก็แล้วแต่ความคิดความเชื่อแล้วกัน
ส่วนตัวเราขอแก้ไขไปจนกว่าจะไม่สามารถ

ท้าวความไป เมื่อก่อนเรายังเด็ก จริงๆตอนนี้ก็เด็ก
แต่คือเมื่อก่อนเราไม่มีสำนึกในความรับผิดชอบ
ไม่สำนึกในผลของการกระทำใดๆ
เรียกว่า "เหี้ย" เลยยังได้
หลังจากเหี้ย(ในเชิงนั้นมิใช่ค้าขายยาเสพติด ฆ่าคนตายนะ)จนสุดๆแล้ว
เราก็เล่าไปแล้ว เราได้ประสบบุคคล
และทัศนคติเปลี่ยนโลก(โลกของเรา)
อนึ่งเหมือนกันบรรลุซึ่งหลักแห่งธรรม
เรานั่งอึ้งน้ำตาคลอเบ้า
ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้
ไม่สามารถแก้ตัวกับสิ่งเลวร้ายต่างๆได้
ไม่สามารถขอโทษกับบุคคลต่างๆที่เราทำไม่ดีด้วยได้
แต่เราสามารถทำได้อย่างเดียวหลังจากนั้น
คือ การทำตัวเองให้ดี พัฒนาทัศนคติเราให้ดี
แล้วนำสิ่งดีๆไปส่งต่อให้คนรุ่นหลังสืบไป
------------------

วันนี้คุณกล้าเปลี่ยนชีวิตที่ดีอยู่แล้วให้ดีกว่าไหม
หรือคุณแค่ฟัง อ่าน รับรู้สิ่งที่คนอื่นๆบรรยายออกมา
แล้วก็จิตนาการตามไป หลับฝันแล้วก็จบลง
ไร้ซึ่งการลงมือทำใดๆ
นั้นก็ไร้ซึ่งความหมายใดๆ
เรานิยมให้ใครก็ตามหันมาเปลี่ยนแปลงชีวิต
โดยเฉพาะเด็กๆ
เนื่องจากเรามองว่าเรื่องการเปลี่ยนแปลงนั้น
ทำได้ "ยาก" และต้องใช้ "เวลา"
(ทั้งสองอย่างต้องบวกคำว่า "มากๆ" เข้าไปด้วย)
เด็กและวัยรุ่นจึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ
ในการพัฒนาศักยภาพต่างๆขึ้นมา
หากสูญเสียเวลาไปแล้วนั้น ก็ไม่มีทางวนมันกลับมาได้อีกต่อไป
และเราไม่อยากให้เด็กคนไหนโตขึ้นมาแบบเรา
สูญเสียช่วงเวลาที่ควรจะดีที่สุดไป
เพียงเพราะ ทัศนคติแย่ๆของตัวเอง
สูญเสียเพื่อน มิตร ที่ดีๆไป เพียงเพราะตัวเอง
(Photo : allaboutkids.cc)


เป็นกำลังใจให้ทั้งคนที่กำลังสู้อยู่
เราจะค่อยๆแก้มันทีละนิดไปพร้อมกัน
เราจะค่อยๆขัดเกลามันไปทีละหน่อย
แล้วเราจะเป็นรุ่นที่ดีให้กับรุ่นที่ดีกว่าต่อไป
ขอเหล่าท่านทั้งหลายจงมีพลังสถิตทั้งในกายและในใจ




ปล. ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นพูดในเฉพาะกรณีที่รับรู้ตนเองว่าทัศนคติตนเองนั้นแย่ และอยากพัฒนาให้ดี ไม่กล่าวไปถึงบุคคลที่มีทัศนคติที่ดีตามความพึงพอใจของตัวบุคคลนั้นแล้ว
ปล2. บทความนี้ก็ยังคงมีความเป็นเราอยู่ ถ้าคุณอ่านดีๆอาจจะเจอความเห็นแก่ตัวที่ซ่อนอยู่























“ The greatest gift that you can give to others is the gift of unconditional love and acceptance. ” : Brian Tracy


Goodluck,
Introvert man.

No comments:

Post a Comment